วันศุกร์
โฆษณาไทยประกันชีวิต ชุด "คาวาชากิ"
โฆษณาชุด "คาวาชากิ" ด.ช.ศุภกิจ จิรเกียรติตระกูล ป่วยเป็นโรคคาวาชากิ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นในเด็ก โอกาสเกิดโรคนี้เป็นได้แค่ 1 ในล้าน โรงพยาบาลในจังหวัดเลยหลายแห่งยังไม่รู้จักโรคนี้ แต่เคราะห์ดีที่ได้รับการช่วยเหลือประสานงานจากศูนย์ไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ ช่วยค้นหาข้อมูลของโรงพยาบาล และทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษาโรคนี้แล้วจึงรีบเคลื่อนย้ายเข้ารักษาตัว ด่วนในกรุงเทพฯจนหายดี และเติบโตเป็นลูกที่ดีของครอบครัวต่อไป
ความเห็น: โรคคาวาซากิ พบได้บ่อยกว่านั้นครับ ประมาณ 1 ในสี่หมื่น ตอนผมเป็นนักเรียนแพทย์ก็พบตั้งเกือบสิบรายใน1ปี ที่โคราช จริงๆไม่มีใครตายจากโรคนี้นะ และจะหายได้เองแม้ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ผลแทรกซ้อนก็คือ อาจเกิด coronary aneurysm ขึ้น แล้วจะมีปัญหาในอนาคต การรักษาก็คือการให้ IV Ig (มันคือน้ำเหลืองสังเคราะห์นั่นเอง) ซึงถ้าที่รพ เลย ไม่มี ก็ส่งตัวมาที่ รพ ศรีณครินทร์ ม ขอนแก่น สิครับ เข้ากทม ทำไม เสียเวลา เสียโอกาสที่จะได้ยาเร็วขึ้น อ้าวแล้วทำไมกรณีนี้ไม่ใช้เครื่องบินล่ะ งงมะ ผมว่าบริษัทควรจะคิดถึงเรื่องผลกระทบจากการโฆษณาหน่อยนะ อาจจะต้องมีคณะกรรมการควบคุมด้านจริยธรรมด้วยนะ คิดดูถ้าคนไข้ที่ทำประกันทุกคนได้รับสิทธิพิเศษ ต้องได้สิ่งที่ดีที่สุด best facility คิดสิคิดว่า standard facility จะทำไงล่ะ คิดหน่อยครับคิดหน่อย
doonjatep
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
น้องชื่อศุภกร และที่ไม่รักษาที่ขอนแก่นก็เพราะว่าบ้านอยู่ที่ กทม. แล้วหมอที่นั่นบอกว่าต้องเทียวไปเทียวมาที่เลยกับขอนแก่น ไปทำ Echo ที่ขอนแก่นแล้วก็ต้องกลับมารักษาตัวที่เลยเค้าไม่ได้บอกว่าจะส่งตัวไปที่ขอนแก่น ถ้าคุณเป็นพ่อเป็นแม่ลูกคุณหลับไม่ได้สติและหมอก็บอกว่าเหลือเวลาแค่ 2 วัน แล้วไอ้โรคนี้เราก็ไม่เคยรู้จักว่ามันร้ายแรงแค่ไหน เห็นลูกอาการหนักขนาดนั้นคุณจะทำยังไง ในเมื่อทางประกันเค้าบอกว่าเค้าจะเคลื่อนย้ายให้ คุณจะไม่ไปเหรอ ซึ่งในตอนนั้นเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ก็ยอมขอให้ลูกหาย คุณบอกไม่มีใครตายแต่ทำไมหมอบอกว่าถ้ารักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ ถ้าไม่ให้ยาเด็กก้อต้องตายสิ คนป่วยไม่ให้ยาจะหายเหรอคุณนักเรียนแพทย์ ในเมื่อเส้นเลือดหัวใจโป่งพอง ลูกดิฉันยังต้องกินแอสไพรินเป็นปีเลยกว่าจะหายเป็นปกติ เทียวหาหมอแทบทุกเดือนเพื่อจะตรวจดูเส้นเลือดหัวใจว่าปกติหรือยังเค้าถึงจะหยุดให้ยา
ตอบลบ